เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่ในศตวรรษที่ 21 ควรทำมากที่สุดก็คือ การเตรียมลูกให้พร้อมกับทุกการเรียนรู้ ตั้งแต่เล็ก ๆ โดยหันกลับมามองที่ศักยภาพของตัวพ่อแม่เองก่อนค่ะ เราควรลงมือเลี้ยงลูกเองให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ทั้งนี้ก็เพื่อวางพื้นฐาน EF ที่ดีของลูก และตัวพ่อแม่จะได้รู้จักลูกอย่างลึกซึ้งด้วย เพราะการคลุกคลีกับลูกมาก ๆ จะทำให้เห็นตัวตนของลูก เมื่อเห็นศักยภาพลูกชัดเจนขึ้น ความกังวลใจก็จะน้อยลงค่ะ
ตอนลูกยังเล็ก พ่อแม่ทุกคนวางพื้นฐานการพัฒนาสมองลูกด้วยอาหารที่มีประโยชน์ แต่เมื่อลูกค่อย ๆ เติบโตขึ้น นอกจากอาหารแล้ว พ่อแม่ต้องนึกถึงการฝึกทักษะต่าง ๆ ด้วยนะคะ เช่น ทักษะการช่วยเหลือตนเอง เพื่อให้สมองลูกได้พัฒนาในอีกรูปแบบหนึ่งนั่นก็คือ การคิด การวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การลงมือทำ และการควบคุมอารมณ์
นอกจากกิจวัตรประจำวันที่ลูกจะได้ฝึกสมองตนเองแล้ว การเล่นอิสระก็พัฒนาสมองลูกได้ เพราะบรรยากาศที่ไม่มีกรอบ เอื้อให้ลูกกล้าคิด กล้าทำมากขึ้น โดยพ่อแม่ตรวจสอบความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมบริเวณนั้น
หมอพบว่า พ่อแม่มักนึกถึงกิจกรรมที่จะพัฒนาสมองลูกเมื่ออยู่ในบ้านไม่ออก มีกิจกรรมหนึ่งที่หมอคิดว่า พ่อแม่สามารถชวนลูกมาทำได้ไม่ยาก ได้พัฒนาทั้งสมองส่วนคิดวิเคราะห์ ลงมือทำ แก้ปัญหา และตัดสินใจด้วย นั่นคือ กิจกรรมทำอาหาร
โดยมีกติกาว่าต้องคิดเมนูที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่เท่านั้น เพื่อให้ลูกรู้จักการ “วางเป้าหมาย” ที่ดีต่อร่างกายและสมองตนเอง และยังฝึกลูก “คิดวิเคราะห์” แยกแยะอาหารต่าง ๆ ด้วย
เพื่อให้ลูกได้ “ลงมือทำ” ในแผนงานของตนเอง และหากมีอุปสรรค เช่น หาสิ่งของไม่เจอ หรือหาเจอแต่ของไม่สดใหม่ อากาศร้อนมาก ฯ ลูกก็จะได้ฝึก “ความอดทน” และได้ฝึก “คิดแก้ปัญหา” เองด้วย โดยพ่อแม่ต้องชะลอการช่วยเหลือ
เพื่อให้ลูกเข้าใจว่า งานที่มีลำดับต่างๆนั้นมีเหตุผลของมันอยู่ หากสลับลำดับอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ (ฝึกสมองลูกคิดเป็นระบบอย่างง่ายๆ) โดยพ่อแม่เข้าช่วยเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ หรืออันตราย เช่น กรณีที่ต้องใช้มีด
เช่น ทำจนมือเจ็บ ทำแล้วอาหารไม่สุก หรือ รสชาติแปลก ๆ ฯ เพื่อให้ลูกนำบทเรียนมาคิดแก้ไขใหม่
โดยพ่อแม่สามารถอธิบายประโยชน์ของอาหารหลัก 5 หมู่ไปด้วยก็ได้นะคะ เช่น
เด็กที่กินยากหลาย ๆ คน หากได้ลงมือทำอาหารเอง ก็มักจะกินได้ดีขึ้นค่ะ
นอกจากสรรหาอาหารที่มีประโยชน์ให้ลูกแล้ว พ่อแม่ต้องเปิดโอกาสให้ลูกได้ฝึกคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และลงมือทำเอง เพราะการเตรียมลูกให้พร้อมกับทุกการเรียนรู้ ควรเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาผ่านกิจกรรมต่าง ๆ แบบเพลิดเพลิน ลองหากิจกรรมอื่น ๆ ในบ้านมาประยุกต์ดูนะคะ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ พ่อแม่ต้องใจเย็นและสื่อสารเชิงบวกด้วยค่ะ
เครดิต : theasianparent
หมอเสาวภาเลี้ยงลูกเชิงบวก
หน้าที่เข้าชม | 34,369 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 22,575 ครั้ง |
เปิดร้าน | 5 ก.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ต.ค. 2568 |